2/29/2555

ฝากร้านของครอบครัวด้วยน่ะเพื่อนๆๆ


ท่านใดสนจชุดแต่งงาน  สามารถเข้ามาสอบถามได้น่ะ  ทางช่องทางนี้
เนื่องจากครอบครัวของเดียร์ได้เปิดธุรกิจเล็ๆที่บริการเรื่องแต่งงาน 
ภาพที่อยู่ในบล็อคนี้เป็นส่วนหนึ่งของทางร้าน



ภาพที่อยู่ของHome  wedding น่ะค่ะ   สามารถสอบถามได้ค่ะ






ชุดมาเลย์


ชุดมาเลย์เหลืองทองใส่แล้วเด่นมาก





ชุดนี้ไฮโซมากค่ะ สั่งตัดใหม่น่ะ


จำพวกขันหมากค่ะ

ชุดวิวาร์แบบเรียบๆสำหรับคนที่ไม่ชอบความหรูหราเท่าไร แต่ดูดี

รีวิวลูกค้าน่ะค่ะ   

ชุดนี้ใส่แล้วสวยค่ะ  รีวิวลูกค้า(พี่สะใภ้เองค่ะ)

รับถ่ายรูป wedding ด้วยน่ะ

เพื่อนไม่ทิ้งกัน-clash

2/27/2555

กำลังใจ ยามผิดหวัง

อย่าเชื่อว่าเราทัมไม่ได้ .... ถ้าเรายังไม่ได้ลงมือทัม

อย่าท้อแท้ .... ตราบใดที่เรายังไม่ได้พยายาม

อย่าสิ้นหวัง .... ตรบบใดที่เรายังมีกำลังใจอยู่

อย่าท้อกับชีวิต .... ตราบใดที่หัวใจเรายังหายใจอยู่

อย่าร้องไห้เสียน้ำตา .... ถ้าคิดว่าเราทัมไม่ได้แน่นอน

เพราะเรายังมีหวัง .... จงอย่าทำลายความหวังเพียงเพราะการดูหมิ่นตัวเองว่า"เราทำไม่ได้"




ความผิดหวังกับน้ำตาดูเหมือนว่าสองสิ่งนี้จะเป็นของคู่กัน เมื่อผิดหวังก็ร้องไห้ น้ำตาก็คงจะอาบแก้ม แล้วคน ๆ หนึ่งเกิดมาในชีวิตที่ต้องเจอกับความผิดหวังไปอีกสักกี่ครั้งกี่หนไม่รู้จบ  หากเราร้องไห้ทุกครั้งที่เจอกับความผิดหวัง รวม ๆ แล้วทั้งชีวิตที่เราร้องไห้ น้ำตาของเราคงพอทีจะสร้างเป็นแอ่งน้ำเล็ก ๆ เลยก็ว่าได้ เราเคยตั้งคำถามกับตัวเองบ้างหรือเปล่าว่า ความผิดหวังคืออะไร

ความผิดหวังคือความไม่สมหวังหรือ หรือคือการที่เราไม่ได้มาในสิ่งที่เราต้องการ ดังเช่นความรัก เมื่อเป็นเช่นนี้เราต้องร้องไห้หรอ เราต้องมานั่งคิดไปคิดมาในสิ่งที่มันทำให้เจ็บ เพื่อเป็นการตอกย้ำตัวของเราเองว่าใช่ไหม ถ้าเป็นเช่นนั้นเราก็จะไม่ได้อะไรเลย นอกจากความเจ็บปวด

 ในทุกครั้งที่เราร้องไห้ให้กับความผิดหวัง เราลองเปลี่ยนไปยืนมองดวงตาเองที่หน้ากระจกดูซิว่ามันดูเลือนรางแค่ไหน ก็เพราะน้ำตามันบดบังความสวยงามของเรา ลองเปลี่ยนจากการร้องไห้มาค่อย ๆ เช็ดน้ำตาออกแล้ว จ้องมองกระจกอย่างนิ่ง แล้วค่อย ๆ ยิ้มให้กับกระจกนั้นที่อยู่ตรงหน้าเรา มันก็จะสะท้อนให้เห็นถึงความสวยงามของตัวเราเองอีกครั้ง เมื่อน้ำตาไม่มาบดบัง เราเองก็จะพบทางออกแล้วก็จะรู้ว่ามันก็แค่ความผิดหวังที่คู่กับรอยยิ้ม และกำลังใจที่ทำให้เราได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง และสักวันหนึงสิ่งนั้นมันก็จะเป็นของเรา ไม่มีใครหรกที่จะผิดหวังไปทั้งชีวิต ขอแค่เราอย่าท้อ สักวันก็คงต้องมีวันของเรา

ในช่วงชีวิตที่ผ่านของชีวิต ใครหลาย ๆ คนคงผ่านบทเรียนแห่งชีวิตมานับครั้งไม่ถ้วน ทั้งบทเรียนแห่งความผิดหวัง บทเรียนของความท้อแท้ บทเรียนแห่งความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นบทเรียนใด ๆ เมื่อเราเกิดความผิดหวังและท้อแท้ในชีวิต เราต้องพยายามให้กำลังใจตัวเอง และปล่อยวางใจของเราให้เข้มแข็ง ด้วยวิธีการคิดที่จะปรับเปลี่ยนชีวิตของเรา ให้สู้ต่อไป

ดังนั้นถ้าเราเอาความท้อแท้มาทำให้เกิดความผิดหวังในชีวิต จงพยายามคิดให้ใจสู้เข้าไว้ ให้คิดในใจเสมอในยามที่เราผิดหวังหรือท้อแท้ในชีวิต


 ฉันจึงอย่างจะบอกกับบางคนที่ยังไม่รู้เลยว่าความผิดหวังคืออะไร ทั้งที่ผ่านเรื่องราวมามากมายในชีวิต บางสิ่งที่ไม่มีคำตอบอาจแปรเปลี่ยนไปตามความพอใจของเราเอง บทเรียนในชีวิต บางครั้งก็ไม่ได้ช่วยให้เราเข้าใจอะไรได้มากขึ้น หากมันอาจจะทำให้เราเจ็บปวดไม่รู้ลืมเจ็บแล้วก็เจ็บอีก จนบาทีคิดว่าการร้องไห้จะช่วยให้อะไร ๆ หลาย ๆ อย่างดีขึ้น ไม่คงไม่ดีขึ้นหรอกับคนที่ผิดหวัง  มีใครหลายคนบอกกับฉันว่า “ถ้ารักคนที่เรารักไม่ได้ ก็อยู่กับคนใกล้ชิดแล้วมีความสุขจะดีกว่าไหม อาจจะเหงาบ้างบางเวลา แต่ก็ทำให้เรามีความสุข ถึงมันจะไม่ใช่ความสุขที่เราอยากให้เป็น  แต่กับคนที่ผิดหวังที่จะทำอย่างไร หากกำลังคิดเสียใจอยู่กับเรื่องเก่า ๆ ที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

เวลาต่างหากที่จะช่วยลืมบางสิ่งที่เจ็บปวดไม่ใช่น้ำตาที่ไม่เอาไหน  เวลาจะทำให้เราเรียนรู้และพร้อมที่จะเปิดรับให้กับสิ่งที่ทำให้ใคร ๆ ต่างผิดพลาดกันมาแล้ว จงอย่ากลัวกับความผิดหวัง แต่อย่างน้อยก็ยังได้รู้ว่าน้ำตาที่ไหลออกมานั้นเป็นอย่างไร เสียใจแค่ไหนเมื่อต้องผิดหวัง จงอย่าเศร้าไปเลย ลองถามตัวเราเองสิว่าอยากที่ร้องไห้หรืออยากที่จะยิ้มกับความผิดหวังกันแน่ จงยิ้มให้ความผิดหวังแล้วก้าวเดินต่อไปในวันข้างหน้า บางที่อาจมีคน ๆ หนึ่ง คอยเราซึ่งเคยพบกับความผิดหวังเหมือนกับเรารออยู่ก็ได้

เทคนิคการเลือกคณะ

หลังจากที่ได้เห็นคะแนนโอเนทและเอเนทกันไปแล้ว  ก็มาถึงเวลาสำคัญที่จะต้องมาเลือกอันดับเพื่อที่จะยื่นพิจารณากัน  โดยในปีการศึกษานี้สามารถเลือกแอดมิชชั่นกลางได้ ๔ อันดับ  ไม่ว่าจะโควต้ารับตรงหรือกลางก็ลองมาดูข้อแนะนำนิดๆ หน่อยๆ จากรุ่นพี่กันดีกว่า
       ๑. คะแนนเราเป็นอย่างไรบ้าง  ข้อแรกหลายคนก็ทำหน้าถอดสี  ที่เราต้องดูเพราะน้องๆ หลายคนคงจะเคยได้ยินคนแนะนำให้เลือกอันดับที่ ๑ ตามความฝัน  แต่ก็อยากให้ดูความจริงด้วยอีกนิดนึง  ว่าคะแนนที่เรามีสามารถไล่ตามฝันได้หรือไม่ เช่น ฝันอยากเป็นแพทย์  แต่คะแนนรวมเราไม่ถึงร้อยละ ๕๐  ก็ไปมองหาคณะอื่นเหอะ  แต่ถ้าคะแนนห่างไม่มาก  จะลองดูก็ไม่ว่ากันขอรับ
       ๒. สี่อันดับเรียงตามอะไรดี  ข้อนี้เรียงตามได้หลายวิธี  โดยคนส่วนใหญ่มักจะเรียงตามเปอร์เซ็นต์คะแนนที่ตัวเองเกินมาจากน้อยไปมาก  แต่บางคนก็เรียงตามความฝัน  แต่พี่ๆ หลายคนแนะว่าควรเรียงตามความเป็นไปได้  เพราะนอกจากจะดูจากเรียงตามฝัน  และความต่างของคะแนนที่เกินจากคะแนนขั้นต่ำแล้ว  อยากให้ดูจากอัตรารับและอัตราแข่งขันด้วย  สถิติมีประโยชน์นะขอรับ
       ๓. เปอร์เซ็นต์ติดกันมากก็ยอมทิ้งสักอันเหอะ  ขอยกตัวอย่างเลยละกัน เช่น เลือกอันดับ ๑ คะแนนน้องเกินมา ๑๒%  เลือกอันดับ ๒ คะแนนเกินมา ๑๓.๕%  จะเห็นได้ว่าช่วงห่างขอทั้งสองอันดับต่างกันเพียง ๑.๕ เปอร์เซ็นต์  ในกรณีที่ทั้ง ๒ อันดับที่เลือกเป็นคณะในกลุ่มเดียวกัน ( เช่น นิเทศศาสตร์ กับวารสารศาสตร์ )  ก็แนะนำให้น้องตัดใจเลือกว่าชอบอะไรมากกว่า  แล้วตัดอีกอันทิ้งไปเถอะ  เพราะมันไม่ต่างกับน้องเลือกอันดับไปเพียงแค่อันดับเดียว  ได้มาก็มักจะได้อันบน  แต่ร่วงทีร่วงคู่สองอันดับเลยนะครับ  น่าเสียดายโอกาสไป
       ๔. คุยกับรุ่นพี่ในคณะที่เลือกสักนิด  น้องควรจะรู้รายละเอียดในคณะที่เลือกให้ละเอียด  เพราะเมื่อน้องตัดใจเลือก ๔ อันดับนี้แล้ว  แสดงว่าน้องน่าจะสนใจในคณะที่เลือกพอสมควร  อย่าเลือกไปโดยไม่รู้อะไรในคณะนั้นเลย  เช่นเลือกสหเวชศาสตร์ไปเพราะคะแนนไม่ถึงแพทย์  (คณะนี้มีอะไรให้เรียรู้น่าสนใจกว่าที่น้องคิดนะขอรับ)  เพราะบางคณะก็มีเงื่อนไขหรือรายวิชาที่ไม่เหมือนที่อื่นทั่วไปด้วย  ศึกษาให้ดีนะขอรับ
       ๕. อย่าตามเพื่อนหรือเลือกเพื่อเพียงให้ติด  ถ้าน้องไม่ชอบในคณะที่จะเข้าจริง  เลือกเพราะเพื่อนเลือก ( เช่น ผู้ชายเลือกคณะวิศวกรรมศาสตร์ตามเพื่อน  เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะเข้าอะไรดี  แต่เพื่อนร่วมห้องเลือกเยอะก็เลยเลือกไปตามเค้า )  หรือเลือกเพราะอย่าให้พอมีชื่อว่าติดๆ ไป  สุดท้ายน้องอาจจะเรียนไม่ไหว  โดนรีไทร์หรือซิ่วใหม่ไม่รู้ด้วยนะ  และที่สำคัญมันเป็นการทำลายโอกาสของคนที่เขาอยากเรียนจริงๆ
       ๖. เข้าหาครูแนะแนว  ท่านทำให้รุ่นพี่มีที่เรียนมาแล้วรุ่นต่อรุ่น  แล้วทำไมเราจะติดไม่ได้เชียว  การได้คุยกับครูแนะแนวเพียงเล้กน้อยก่อนตัดสินใจอะไรลงไป  อาจเปลี่ยนและช่วยให้ชีวิตน้องถึงฝั่งฝันได้นะขอรับ
       ๗. ปรึกษาผู้ปกครองสักนิด  ข้อนี้ห้ามลืมโดยเด็ดขาด  เพราะลองคุยกับท่านดูว่าท่านเห็นชอบด้วยไหม  ถ้าไม่เห็นชอบก็ลองคุยกับผู้ปกครองดูสักนิด  ปรับความเข้าใจให้ตรงกัน  เพราะอย่าลืมว่าการตัดสินใจของเราไม่ได้ส่งผลกับเราเพียงคนเดียวนะ  ยังมีคนที่อยู่ข้างหลังน้องๆ รออยู่
       นี่ก็เป็นเพียงเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ที่อยากให้น้องๆ ได้ทดลองกัน  แต่หลังจากที่น้องพิจารณาสิ่งต่างๆ แล้ว  คนที่รู้จักตัวน้องดีและเป็นคนที่ตัดสินใจคือตัวของน้องเอง  เพราะฉะนั้นก็คิดให้ดีก่อนคลิกเลือกคณะนะครับ  พี่หยกขออวยพรให้น้องๆ ทุกคนโชคดีล่ะกัน  ได้ในคณะที่ตัวเองหวังกันเอาไว้  ส่วนใครที่อยากลองให้พี่ๆ ลองช่วยพิจารณาคณะให้  ก็ลองมาโพสได้ที่คอลัม แนะกันให้ติดชัวร์ นะครับ

สำหรับเพื่อนทุกคน




เพื่อน คือ คนแรกที่ทำให้เรารู้จักผู้อื่น
เพื่อน..คือคนแปลกหน้าคนแรก...ที่ทำให้เรารู้จักความรัก
นอกเหนือจากคนในครอบครัว..ที่เรารักกันมาตั้งแต่เกิด
เพื่อน..โผล่หัวมาตอนโต...เป็นใครไม่รู้..แล้วจู่ๆ
วันหนึ่งเราก็รักมันได้
ฉันมองความรักเพื่อน..เป็นความรักที่น่าเคารพยกย่อง
แต่ต้องเป็นเพื่อนแท้ด้วยนะ..เพื่อน..จะรักกันแบบพอดีๆ
ไม่หวง..ไม่หึง.ไม่ต้องการอะไรตอบแทน..เรารักกันสบายๆ
มีปัญหาปรึกษากัน.มีเรื่องเดือดร้อนช่วยกัน..
มีอะไรไม่สบายใจปรับทุกข์กัน
แต่ในขณะเดียวกันต่างคนต่างก็มีโลกเป็นของตัวเอง
เธอมีแฟนฉันไม่ว่า..เธอสนุกของเธอไป..
เราต่างยินดีในความสุขของกันและกัน
ไม่ต้องมาเจอกัน...ก็ยังห่วงกัน..ยังคิดถึงกัน
ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบอยู่เสมอ
ถ้ามั่นใจว่าเจอเพื่อนแท้แล้ว..เชื่อเถอะว่า..
ไม่ว่าเราจะห่างกันอย่างไร..
เราจะคิดถึงกัน
และเราจะไม่มีวันเลิกคบกัน..
เพราะเธอไปมีเพื่อนใหม่..
ต่างฝ่ายต่างมีเพื่อนใหม่..ก็ยังเป็นเพื่อนกันได้...
มันเป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข
คนบางคนบอกว่า..คุยกับเพื่อนได้ทุกเรื่อง..
แต่คุยกับแฟน..กับพ่อแม่ได้บางเรื่อง
นี่แหละ..ที่มันเป็นความรักที่ประหลาด...แต่งดงาม
มันมีความเข้าใจ.. ไว้ใจ ..เชื่อใจ..ในจุดสมดุล